GCNT ร่วมการอภิปราย ณ งาน 2021 P4G Seoul Summit Business Forum

P4G Business Forum, scheduled to broadcast 27 May, 20:00 ~ 22:00 (GMT +9).

Online Venue 1. 2021 P4G Seoul Summit Virtual Venue
– Click ‘Green Future Sessions’
– Scroll down to ‘Business Forum’

Online Venue 2. KCCI Youtube Channel “KCCI Insights”
– Click ‘P4G Seoul Summit Business Forum’ Live Broadcast

คุณธันยพร กริชติทายาวุธ ผู้อำนวยการสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย
ร่วมการอภิปราย ณ งาน 2021 P4G Seoul Summit Business Forum
ฉันทมติระดับโลกอันเกี่ยวกับหน้าที่ของแวดวงธุรกิจที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม ESG
Session II: เทคโนโลยีสะอาดและการเติบโตอย่างยั่งยืน
ในช่วง KCCI (Korea Chamber of Commerce & Industry) forum
วันและเวลา: 21:20 (KST), 27 พฤษภาคม 2021

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ อะไรคือตัวอย่างที่ดีของเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับองค์กร ระดับประเทศและระดับโลก

UN Global Compact ในฐานะกรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ขอความร่วมมือจากบริษัทหรือองค์กรจากทุกสารทิศในการดำเนินกิจการและการออกแบบกลยุทธ์ที่อยู่บนหลักสากล 10 ประการครอบคลุม 4 หมวดหมู่ประกอบไปด้วย สิทธิมนุษยชน มาตรฐานแรงงาน การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต

  • ด้วยสมาชิกกว่า 13,000 องค์กร และ กว่า 3,000 ผู้ลงนามที่ไม่ใช่ภาคธุรกิจ จากกว่า 160 ประเทศทั่วโลก – รวมถึงเครือข่ายประจำประเทศต่าง ๆ ดังเช่นในประเทศเกาหลีใต้ และ ประเทศไทยนั้น UN Global Compact กำลังผนึกกำลังเพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้น
  • ปณิธานของเราคือการเร่งและเพิ่มผลกระทบเชิงบวกจากภาคธุรกิจทั่วโลก โดยการส่งเสริมหลักสากล 10 ประการผ่านบริษัทที่มีความรับผิดรับชอบและระบบนิเวศธุรกิจที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
  • บริษัทสมาชิกของเราเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 และความตกลงปารีสเรื่องภูมิอากาศเป็นรูปธรรมมากขึ้น ด้วยการดำเนินกิจการและบริหารห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาอย่างมีความรับผิดชอบและอย่างยั่งยืน
  • เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ทั้ง 2 นี้ คุณอังตานียู กูแตรึช เลขาธิการสหประชาชาติ เร่งรัดให้ภาครัฐ เอกชน และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ร่วมมือกันเพื่อการฟื้นฟูสะอาดจากผลกระทบของ COVID-19 – อีกนัยหนึ่งก็คือเร่งการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่อนาคตพลังงานสะอาด
  • เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เปรียบเสมือนดาวเหนือ ส่องทิศทางแห่งการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อระงับมิให้เกิดมหัตภัยทางธรรมชาติอันร้ายแรงอันเนื่องมากจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้น เราจำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ถึงครึ่งนึงภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เราจะต้องหยุดปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจแล้วเปลี่ยนผ่านเข้าสู่อนาคตพลังงานสะอาด คุณอังตานียู กูแตรึช เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้ทุก ๆ ภาคส่วนทั่วโลกร่วมมือกันเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อคิดแบบสุทธิ (for carbon neutrality)
  • ที่ UN Global Compact เราเชื่อว่าจะไม่มีทางออกให้กับวิกฤตภูมิอากาศหากเราไม่ทำให้บริษัทต่าง ๆ รับผิดชอบกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภูมิอากาศและดึงพลังของพวกเขาเหล่านั้นออกมาเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเศรษฐกิจโลก
  • เป้าหมายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์จะทำให้บริษัทเห็นแนวทางที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ชัดเจนขึ้นและสอดคล้องกับเป้าหมายความตกลงปารีส
  • มากกว่า 1,300 บริษัทใน 60 ประเทศ และในเกือบ 50 ภาคส่วน – รวมถึงบริษัทที่อยู่ในรายชื่อ Global Fortune 500 ถึง 20% – ก็กำลังผนึกกำลังกับ SBTi
  • ในขณะเดียวกันที่ UN Global Compact เราร่วมกับพันธมิตรของเรา ได้จัดโปรแกรม ‘Business Ambition for 1.5 degrees’ โปรแกรมนี้จะท้าทายให้บริษัทต่าง ๆ ตั้งเป้าหมายที่อยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก – อันเป็นเป้าหมายที่สอดคล้องกับการกำจัดอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นให้อยู่ที่ 5 องศาเซลเซียส
  • เราขับเคลื่อนผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ให้ตั้งเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่สอดคล้องกับอนาคต 5 ในวันคุ้มครองโลก เราสามารถรวบรวมได้ถึง 500 บริษัทโดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่มีกว่า 13 ล้านล้าน ดอลล่าร์สหรัฐ
  • บริษัทและองค์การเหล่านี้จะช่วยเราขับเคลื่อนเข้าสู่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในกลางศตวรรษนี้
  • ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจกำลังถดถอยเพราะผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 แต่การการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มสูงขึ้น มีหลักฐานที่ระบุว่าปี 2020 เป็นปีที่อุ่นที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา
  • ผู้นำทางธุรกิจที่มีความตั้งอกตั้งใจในด้านของการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นรู้ดีว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกระหว่างการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับการมีสถานะทางการเงินและกำไรที่มั่นคง ในทางกลับกันการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลให้ผู้คน สังคม ธุรกิจและเศรษฐกิจมีความเจริญงอกงามยิ่งขึ้น
  • Climate Ambition Accelerator เป็นหลักสูตร 6 เดือน สำหรับบริษัทสมาชิกของ UN Global Compact ที่กำลังมองหาตัวช่วยในการตั้งเป้าหมายที่อยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์เพื่อหยุดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและช่วยทำให้แนวทางการเปลี่ยนเข้าสู่เป้าหมาย การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ชัดเจนและเป็นรูปร่างมากยิ่งขึ้น
  • วัตถุประสงค์ของหลักสูตรนี้คือยกระดับการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับบริษัททุก ๆ ขนาด ที่อยู่ในทุกภาคส่วนและในทุกภูมิภาคพร้อมกับเพิ่มศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
  • สมาชิกจะสามารถเข้าถึงหลักการปฏิบัติจริงที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้โอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อคิดเห็นต่าง ๆ พร้อมกับการอบรมแบบเฉพาะตรงจุด ผ่าน Global Compact ที่ตั้งอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
  • เราจะต้องทำให้ธุรกิจและการเงินของโลกดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับความตกลงปารีสอันว่าด้วยเรื่องภูมิอากาศ ในความเป็นจริงแล้ว การเร่งแผนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้นเป็นเป้าหมายหลักของแผนยุทธศาสตร์ปี 2021 ถึง 2023 ของ UN Global Compact
  • ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์มากมายกำลังเปลี่ยนแปลงทิศทางการดำเนินธุรกิจ ในแวดวงธุรกิจ เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าใน 12 เดือนที่ผ่านมานี้
  • ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะหยุดอนาคตที่มีแต่มหันตภัยนี้ แต่เราควรที่จะต้องเริ่มจากตัวเรา ในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26 Climate Change Conference) ในเดือนพฤศจิกายนนี้ หน้าที่ของพวกเราจะชัดเจนขึ้น
  • โรคระบาดไม่มีขอบเขต การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศก็เช่นกัน
  • ในขณะที่โลกกำลังเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ข้อได้แล้วเป็นบางข้อ แต่ก็ยังคงมีบางข้อที่อาจใช้เวลานานหรืออาจแย่ลงกว่าเดิม และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เราต้องเผชิญกับการระบาดของโรค COVID-19 ที่คร่าชีวิตผู้คนมากมาย ทำลายชีวิตความเป็นอยู่ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานต้องหยุดชะงัก ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ และแทบจะทำให้สิ่งที่เราทำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนสูญสลายไป
  • ภาคเอกชนมีบทบาทที่สำคัญมากที่จะทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นความจริงได้ โดยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้เราได้เห็นพัฒนาการที่ดีของการบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ทั้งจากระดับประเทศและระดับบริษัท นี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี หากแต่เป้าหมายระยะยาวนั้นจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มีการตั้งเป้าหมายระยะสั้นเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
  • โปรแกรม ‘Business Ambition for 1.5 degrees’ เป็นโปรแกรมที่นำโดย SBTi ที่จะช่วยให้บริษัทตั้งเป้าหมายที่อยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ที่สอดคล้องกับการจำกัดอุณหภูมิโลกให้มิให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิเฉลี่ยก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม และเข้าสู่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไม่ช้ากว่าปี 2050
  • มีสิ่งนึงที่แน่นอน และนั่นคือเราไม่สามารถ ‘กดหยุดพัก’ ให้กับการต่อสู้ปัญหาภูมิอากาศอันเร่งด่วนนี้ และผลกระทบที่ไม่อาจย้อนกลับได้ต่อผู้คนและระบบทางธรรมชาติทุกระบบที่หล่อเลี้ยงเรา อุณหภูมิโลกตอนนี้สูงขึ้นถึง 1 องศาเซลเซียสและอาจสูงขึ้นมากกว่า 3 องศาภายในปี 2100 ที่มาพร้อมกับมหันตภัยร้ายแรง ดังนั้นเราไม่ควรที่จะดำเนินธุรกิจแบบที่ผ่าน ๆ มาอีกต่อไปแล้ว
  • การชักชวนให้ภาคเอกชนมาต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของ UN Global Compact นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแผนยุทธศาสตร์ในระยะ 3 ปี ข้างหน้าของเราจึงมีวัตถุประสงค์ที่จะยกระดับแผนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตภูมิอากาศ แผนยุทศาสตร์นี้จำต้องให้บริษัทต่าง ๆ ตั้งเป้าหมายที่จริงจังและวัดผลได้ อีกทั้งยังต้องมีความรับผิดชอบที่จะบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ด้วย
  • ทศวรรษนี้คือทศวรรษแห่งการลงมือทำจริงจัง ที่จะเห็นความสำคัญเร่งด่วนของวิกฤตภูมิอากาศและเราไม่สามารถเสียเวลาไปมากกว่านี้ได้แล้ว ทุกบริษัทและองค์กรจะต้องตั้งมั่นเพื่ออนาคตที่ดีกว่าและยั่งยืนกว่า
  • การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศกำลังมีผลกระทบระดับมหันตภัยกับโลกแล้ว ความแห้งแล้ง อุทกภัย และ ระดับของน้ำทะเลที่สูงขึ้นในขณะนี้กำลังส่งผลอย่างหนักกับกลุ่มประชากรที่เปราะบาง
  • การตั้งเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้สอดคล้องกับอนาคต 1.5 องศาเซลเซียส – อนาคตหนึ่งเดียวของเรา – ธุรกิจต่าง ๆ กำลังร้องขอให้นานาประเทศเพิ่ม NDCs เข้าไปยังโมเดลธุรกิจ SBTs คือ NDCs ของธุรกิจ
  • เราจะต้องมุ่งเน้นเรื่องการปรับตัวตามภูมิอากาศและความสามารถในการพร้อมที่จะล้มแล้วลุกขึ้นสู้
  • เราจะต้องมุ่งมั่นที่ลดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ถึงครึ่งนึงภายใน 1 ทศวรรษข้างหน้า เพื่อที่เราจะได้บรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050
  • เราจะต้องทำให้แน่ใจว่าเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จะสามารถถูกนำมาตั้งเป็นเป้าหมายระยะสั้นที่อิงกับภูมิอากาศวิทยาให้ได้
  • เรามีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าบริษัทที่มีเป้าหมายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างชัดเจน ในตอนนี้สิ่งที่เราอยากเห็นก็คือ บริษัทที่มีความตั้งอกตั้งใจในเรื่องนี้นั้นเพิ่มจากร้อยเป็นพันโดยเฉพาะบริษัทหรือองค์กรที่อยู่ในภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ค่อนข้างสูง เราต้องการเสียงของผู้นำธุรกิจที่จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเราอย่างมาก มากจนกระทั้งว่าคุณอังตานียู กูแตรึช เลขาธิการสหประชาชาติต้องเรียกร้องให้รัฐบาลลองนึกถึงอนาคตที่ดีขึ้นกว่าเดิมที่ถูกขับเคลื่อนด้วยการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ความจำเป็นของการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความจำเป็นที่ทุกบริษัทและองค์กรต้องมีความรับผิดรับชอบ และความจำเป็นที่ต้องขยายผลและดำเนินการ
Information for the Intervention of
Thanyaporn Krichtitayawuth
Executive Director of the Global Compact Network Thailand
panelist at the 2021 P4G Seoul Summit Business Forum
a global consensus on the business community’s obligation
to participate in ESG activities.
Session II : Green Technology and Sustainable Growth
on the KCCI (Korea Chamber of Commerce & Industry) forum
Time & Date: 21:20 (KST), May 27, 2021 (record on May 17th)

Q: In your area of expertise, what is a good example of green technology contributing to sustainable development, in company level, national level, and global level? 

A: As the world’s largest corporate sustainability initiative, the UN Global Compact calls on companies everywhere to align their operations and strategies with ten universal principles spanning human rights, labour, the environment and anti-corruption.  

  • ด้วยสมาชิกกว่า 13,000 องค์กร และ กว่า 3,000 ผู้ลงนามที่ไม่ใช่ภาคธุรกิจ จากกว่า 160 ประเทศทั่วโลก – รวมถึงเครือข่ายประจำประเทศต่าง ๆ ดังเช่นในประเทศเกาหลีใต้ และ ประเทศไทยนั้น UN Global Compact กำลังผนึกกำลังเพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้น
  • ปณิธานของเราคือการเร่งและเพิ่มผลกระทบเชิงบวกจากภาคธุรกิจทั่วโลก โดยการส่งเสริมหลักสากล 10 ประการผ่านบริษัทที่มีความรับผิดรับชอบและระบบนิเวศธุรกิจที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
  • บริษัทสมาชิกของเราเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 และความตกลงปารีสเรื่องภูมิอากาศเป็นรูปธรรมมากขึ้น ด้วยการดำเนินกิจการและบริหารห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาอย่างมีความรับผิดชอบและอย่างยั่งยืน
  • เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ทั้ง 2 นี้ คุณอังตานียู กูแตรึช เลขาธิการสหประชาชาติ เร่งรัดให้ภาครัฐ เอกชน และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ร่วมมือกันเพื่อการฟื้นฟูสะอาดจากผลกระทบของ COVID-19 – อีกนัยหนึ่งก็คือเร่งการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่อนาคตพลังงานสะอาด
  • เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เปรียบเสมือนดาวเหนือ ส่องทิศทางแห่งการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อระงับมิให้เกิดมหัตภัยทางธรรมชาติอันร้ายแรงอันเนื่องมากจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้น เราจำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ถึงครึ่งนึงภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เราจะต้องหยุดปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจแล้วเปลี่ยนผ่านเข้าสู่อนาคตพลังงานสะอาด คุณอังตานียู กูแตรึช เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้ทุก ๆ ภาคส่วนทั่วโลกร่วมมือกันเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อคิดแบบสุทธิ (for carbon neutrality)
  • ที่ UN Global Compact เราเชื่อว่าจะไม่มีทางออกให้กับวิกฤตภูมิอากาศหากเราไม่ทำให้บริษัทต่าง ๆ รับผิดชอบกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภูมิอากาศและดึงพลังของพวกเขาเหล่านั้นออกมาเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเศรษฐกิจโลก
  • เป้าหมายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์จะทำให้บริษัทเห็นแนวทางที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ชัดเจนขึ้นและสอดคล้องกับเป้าหมายความตกลงปารีส
  • มากกว่า 1,300 บริษัทใน 60 ประเทศ และในเกือบ 50 ภาคส่วน – รวมถึงบริษัทที่อยู่ในรายชื่อ Global Fortune 500 ถึง 20% – ก็กำลังผนึกกำลังกับ SBTi
  • ในขณะเดียวกันที่ UN Global Compact เราร่วมกับพันธมิตรของเรา ได้จัดโปรแกรม ‘Business Ambition for 1.5 degrees’ โปรแกรมนี้จะท้าทายให้บริษัทต่าง ๆ ตั้งเป้าหมายที่อยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก – อันเป็นเป้าหมายที่สอดคล้องกับการกำจัดอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นให้อยู่ที่ 5 องศาเซลเซียส
  • เราขับเคลื่อนผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ให้ตั้งเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่สอดคล้องกับอนาคต 5 ในวันคุ้มครองโลก เราสามารถรวบรวมได้ถึง 500 บริษัทโดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่มีกว่า 13 ล้านล้าน ดอลล่าร์สหรัฐ
  • บริษัทและองค์การเหล่านี้จะช่วยเราขับเคลื่อนเข้าสู่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในกลางศตวรรษนี้
  • ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจกำลังถดถอยเพราะผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 แต่การการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มสูงขึ้น มีหลักฐานที่ระบุว่าปี 2020 เป็นปีที่อุ่นที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา
  • ผู้นำทางธุรกิจที่มีความตั้งอกตั้งใจในด้านของการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นรู้ดีว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกระหว่างการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับการมีสถานะทางการเงินและกำไรที่มั่นคง ในทางกลับกันการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลให้ผู้คน สังคม ธุรกิจและเศรษฐกิจมีความเจริญงอกงามยิ่งขึ้น
  • Climate Ambition Accelerator เป็นหลักสูตร 6 เดือน สำหรับบริษัทสมาชิกของ UN Global Compact ที่กำลังมองหาตัวช่วยในการตั้งเป้าหมายที่อยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์เพื่อหยุดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและช่วยทำให้แนวทางการเปลี่ยนเข้าสู่เป้าหมาย การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ชัดเจนและเป็นรูปร่างมากยิ่งขึ้น
  • วัตถุประสงค์ของหลักสูตรนี้คือยกระดับการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับบริษัททุก ๆ ขนาด ที่อยู่ในทุกภาคส่วนและในทุกภูมิภาคพร้อมกับเพิ่มศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
  • สมาชิกจะสามารถเข้าถึงหลักการปฏิบัติจริงที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้โอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อคิดเห็นต่าง ๆ พร้อมกับการอบรมแบบเฉพาะตรงจุด ผ่าน Global Compact ที่ตั้งอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
  • เราจะต้องทำให้ธุรกิจและการเงินของโลกดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับความตกลงปารีสอันว่าด้วยเรื่องภูมิอากาศ ในความเป็นจริงแล้ว การเร่งแผนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้นเป็นเป้าหมายหลักของแผนยุทธศาสตร์ปี 2021 ถึง 2023 ของ UN Global Compact
  • ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์มากมายกำลังเปลี่ยนแปลงทิศทางการดำเนินธุรกิจ ในแวดวงธุรกิจ เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าใน 12 เดือนที่ผ่านมานี้
  • ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะหยุดอนาคตที่มีแต่มหันตภัยนี้ แต่เราควรที่จะต้องเริ่มจากตัวเรา ในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26 Climate Change Conference) ในเดือนพฤศจิกายนนี้ หน้าที่ของพวกเราจะชัดเจนขึ้น
  • โรคระบาดไม่มีขอบเขต การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศก็เช่นกัน
  • ในขณะที่โลกกำลังเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ข้อได้แล้วเป็นบางข้อ แต่ก็ยังคงมีบางข้อที่อาจใช้เวลานานหรืออาจแย่ลงกว่าเดิม และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เราต้องเผชิญกับการระบาดของโรค COVID-19 ที่คร่าชีวิตผู้คนมากมาย ทำลายชีวิตความเป็นอยู่ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานต้องหยุดชะงัก ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ และแทบจะทำให้สิ่งที่เราทำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนสูญสลายไป
  • ภาคเอกชนมีบทบาทที่สำคัญมากที่จะทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นความจริงได้ โดยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้เราได้เห็นพัฒนาการที่ดีของการบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ทั้งจากระดับประเทศและระดับบริษัท นี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี หากแต่เป้าหมายระยะยาวนั้นจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มีการตั้งเป้าหมายระยะสั้นเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
  • โปรแกรม ‘Business Ambition for 1.5 degrees’ เป็นโปรแกรมที่นำโดย SBTi ที่จะช่วยให้บริษัทตั้งเป้าหมายที่อยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ที่สอดคล้องกับการจำกัดอุณหภูมิโลกให้มิให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิเฉลี่ยก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม และเข้าสู่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไม่ช้ากว่าปี 2050
  • มีสิ่งนึงที่แน่นอน และนั่นคือเราไม่สามารถ ‘กดหยุดพัก’ ให้กับการต่อสู้ปัญหาภูมิอากาศอันเร่งด่วนนี้ และผลกระทบที่ไม่อาจย้อนกลับได้ต่อผู้คนและระบบทางธรรมชาติทุกระบบที่หล่อเลี้ยงเรา อุณหภูมิโลกตอนนี้สูงขึ้นถึง 1 องศาเซลเซียสและอาจสูงขึ้นมากกว่า 3 องศาภายในปี 2100 ที่มาพร้อมกับมหันตภัยร้ายแรง ดังนั้นเราไม่ควรที่จะดำเนินธุรกิจแบบที่ผ่าน ๆ มาอีกต่อไปแล้ว
  • การชักชวนให้ภาคเอกชนมาต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของ UN Global Compact นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแผนยุทธศาสตร์ในระยะ 3 ปี ข้างหน้าของเราจึงมีวัตถุประสงค์ที่จะยกระดับแผนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตภูมิอากาศ แผนยุทศาสตร์นี้จำต้องให้บริษัทต่าง ๆ ตั้งเป้าหมายที่จริงจังและวัดผลได้ อีกทั้งยังต้องมีความรับผิดชอบที่จะบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ด้วย
  • ทศวรรษนี้คือทศวรรษแห่งการลงมือทำจริงจัง ที่จะเห็นความสำคัญเร่งด่วนของวิกฤตภูมิอากาศและเราไม่สามารถเสียเวลาไปมากกว่านี้ได้แล้ว ทุกบริษัทและองค์กรจะต้องตั้งมั่นเพื่ออนาคตที่ดีกว่าและยั่งยืนกว่า
  • การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศกำลังมีผลกระทบระดับมหันตภัยกับโลกแล้ว ความแห้งแล้ง อุทกภัย และ ระดับของน้ำทะเลที่สูงขึ้นในขณะนี้กำลังส่งผลอย่างหนักกับกลุ่มประชากรที่เปราะบาง
  • การตั้งเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้สอดคล้องกับอนาคต 1.5 องศาเซลเซียส – อนาคตหนึ่งเดียวของเรา – ธุรกิจต่าง ๆ กำลังร้องขอให้นานาประเทศเพิ่ม NDCs เข้าไปยังโมเดลธุรกิจ SBTs คือ NDCs ของธุรกิจ
  • เราจะต้องมุ่งเน้นเรื่องการปรับตัวตามภูมิอากาศและความสามารถในการพร้อมที่จะล้มแล้วลุกขึ้นสู้
  • เราจะต้องมุ่งมั่นที่ลดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ถึงครึ่งนึงภายใน 1 ทศวรรษข้างหน้า เพื่อที่เราจะได้บรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050
  • เราจะต้องทำให้แน่ใจว่าเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จะสามารถถูกนำมาตั้งเป็นเป้าหมายระยะสั้นที่อิงกับภูมิอากาศวิทยาให้ได้
  • เรามีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าบริษัทที่มีเป้าหมายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างชัดเจน ในตอนนี้สิ่งที่เราอยากเห็นก็คือ บริษัทที่มีความตั้งอกตั้งใจในเรื่องนี้นั้นเพิ่มจากร้อยเป็นพันโดยเฉพาะบริษัทหรือองค์กรที่อยู่ในภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ค่อนข้างสูง เราต้องการเสียงของผู้นำธุรกิจที่จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเราอย่างมาก มากจนกระทั้งว่าคุณอังตานียู กูแตรึช เลขาธิการสหประชาชาติต้องเรียกร้องให้รัฐบาลลองนึกถึงอนาคตที่ดีขึ้นกว่าเดิมที่ถูกขับเคลื่อนด้วยการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ความจำเป็นของการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความจำเป็นที่ทุกบริษัทและองค์กรต้องมีความรับผิดรับชอบ และความจำเป็นที่ต้องขยายผลและดำเนินการ
Information for the Intervention of
Thanyaporn Krichtitayawuth
Executive Director of the Global Compact Network Thailand
panelist at the 2021 P4G Seoul Summit Business Forum
a global consensus on the business community’s obligation
to participate in ESG activities.
Session II : Green Technology and Sustainable Growth
on the KCCI (Korea Chamber of Commerce & Industry) forum
Time & Date: 21:20 (KST), May 27, 2021 (record on May 17th)
Q: In your area of expertise, what is a good example of green technology contributing to sustainable development, in company level, national level, and global level? 

A: As the world’s largest corporate sustainability initiative, the UN Global Compact calls on companies everywhere to align their operations and strategies with ten universal principles spanning human rights, labour, the environment and anti-corruption.  

  • With more than 13,000 companies and 3,000 non-business signatories based in over 160 countries — along with country-based Local Networks like the one in Korea and one in Thailand. The UN Global Compact is uniting business for a better world.
  • Our ambition is to accelerate and scale up the global collective impact of business by upholding the Ten Principles through accountable companies and business ecosystems that enable change.
  • By operating their businesses operations and supply chains responsibly and sustainably, our participants also contribute to implementing both the 2030 Agenda for Sustainable Development Goals and the Paris Agreement on climate change.
  • In response to this dual crisis, UN Secretary-General António Guterres is urging Governments, the private sector and other stakeholders to work together for a green recovery from the impact of COVID-19 — in essence, an accelerated transition to a clean-energy future.
  • Net-zero has become the north star for climate action. To limit the most catastrophic impacts of climate change, we need to halve global emissions by 2030, and reach net-zero emissions by 2050. To achieve this, we need to decarbonize every sector of the economy and transition towards a clean energy future. UN Secretary General Antonio Guterres is therefore calling on the international community to work together in a global coalition for carbon neutrality.
  • At the UN Global Compact, we believe there is no solution to the climate crisis without holding businesses accountable for their impact on the climate and harnessing their power to transform the global economy.
  • Science-based targets provide companies with a clearly-defined path to reduce emissions in line with the Paris Agreement goals.
  • Over 1,300 companies spanning 60 countries and nearly 50 sectors – including one-fifth of the Global Fortune 500 – are working with the SBTi.
  • Meanwhile at the UN Global Compact, we and our partners have launched Business Ambition for 1.5 degrees. This initiative challenges companies to set science-based targets for reduced emissions — targets that align with limiting global temperature rise to 1.5 degrees Celsius.
  • we mobilize visionary corporate leaders to set net-zero emissions reduction targets aligned with a 1.5 future. On Earth Day, we reached the milestone of more than 500 companies, with a market cap of over 13 trillion USD.
  • These businesses are helping us towards the pathway to zero emissions by mid-century.
  • Despite the economic slowdown caused by the pandemic, greenhouse gas emissions continue to rise. Globally, the evidence suggests that 2020 was one of the warmest years on record.
  • Ambitious business leaders are recognizing that we don’t have to choose between taking climate action and having strong economies and bottom lines. On the contrary — taking climate action is the best way to build healthier and thriving people, communities, businesses and economies.
  • The Climate Ambition Accelerator is a six-month accelerator programme for companies participating in the United Nations Global Compact who are looking to make progress towards setting science-based emissions targets and create a clear path to address their organization’s transition to net-zero.
  • It aims to scale-up credible climate action across companies of all sizes, sectors and regions, enabling them to deliver on meaningful commitments to reduce emissions at scale.
  • Through the Global Compact Local Networks around the world, participating companies will gain access to global best practices, peer-to-peer learning opportunities, capacity building sessions and on-demand training.
  • We must align global business and finance with the goals of the Paris Climate Agreement. In fact, accelerating business action on climate change is the overarching goal of the UN Global Compact’s new strategy for 2021 through 2023.
  • Visionary corporate leaders are already shifting gears. Net-zero commitments by the business sector have doubled in the past 12 months.
  • It is not too late to avert a more catastrophic future, but we all have to do our part. In the run-up to the COP26 climate conference in November, our tasks are clear.
  • Pandemics do not recognize borders. Neither does climate change.
  • While the world has taken great strides towards some of the 17 Sustainable Development Goals, progress on others has stalled or even reversed. At the same time, we confront a global pandemic that is devastating lives and livelihoods, disrupting supply chains, deepening inequalities and undoing our work on sustainability.
  • The private sector has a crucial role to play to make this vision a reality. The past months have seen a great increase in the number of commitments to net-zero emissions, both from countries and companies. This is a positive signal, but long-term promises are empty if not backed up by concrete, near-term plans to cut down emissions in absolute terms.
  • The Business Ambition for 1.5°C campaign is a call to action led by SBTi for companies to set ambitious science-based targets that align with limiting global temperature rise to 1.5°C above pre-industrial levels and reaching net-zero emissions by no later than 2050.
  • One thing is certain: We simply cannot afford to hit ‘pause’ on tackling the climate emergency and its irreversible impact on people and all the natural systems that sustain us. Global temperatures are already up 1.1 degrees Celsius and could rise by more than 3 degrees by 2100, with catastrophic consequences. Business as usual is not an option.
  • Harnessing the private sector to tackle climate change is one of the key priorities of the UN Global Compact. That is why our new strategic plan for the next three years aims very specifically to step up business action on the climate crisis. The strategy calls on companies to set more ambitious, measurable targets and holds them accountable for achieving those targets.
  • This is the decade for action to address the climate crisis and we have no time to lose. Every business needs to commit to a better, more sustainable future.
  • And climate change is already having catastrophic effects. Droughts, floods and rising sea levels are hitting vulnerable populations the hardest.
  • By setting a net-zero target in line with a 1.5°C future — our only future — businesses translate the ask to countries to upgrade their NDCs into their business models. SBTs are “Business NDCs”.
  • We must focus on climate adaptation and resilience.
  • We must commit to halving carbon emissions in the next decade, so that the world can achieve net zero emissions by 2050.
  • We need to ensure that the momentum behind net-zero translates into short term action consistent with climate science.
  • We have evidence that companies that set science-based targets ARE delivering emissions reduction at scale. Now, we need to see the number of committed companies swell from hundreds to thousands, especially in the heaviest emitting sectors. We need more corporate leaders voices to join that of the UN Secretary-General in calling on Governments to reimagine a better future grounded in bold climate action.
  • the need for ambitious climate action, on the need for companies to be held accountable, the need to scale up and mainstream 

Resources:

 Statement on Uniting Business and Governments to Recover Better

– Climate Ambition Accelerator (including FAQ document)

– The blog of the SBTi (especially with regards to advocacy and net zero)

– Report “Business Leadership for 1.5” (2019) which shows examples of technologies and business models to advance emissions reductions

Share the Post:

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.