#SDGsMegaTrend2020
ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
– Mega Trend สำหรับปีนี้คือการ Reskill คนในองค์กร ซึ่งหมายถึงการพัฒนาคนให้เกิดความสามารถหรือศักยภาพใหม่ๆ ให้ตอบรับกับการแข่งขันในโลกยุคดิจิทัล ซึ่งถ้าองค์กรใดสามารถ Reskill ศักยภาพของคนในองค์กรได้ก่อน องค์กรนั้นจะเป็นผู้ชนะในโลกยุคต่อไป
– ปีนี้คนจะตื่นตัวกันมากเรื่องของขยะ เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีนวัตกรรมใหม่ๆ เรื่องการจัดการขยะออกมามากขึ้น เราจะมี Start up ใหม่ๆ ออกมาทำธุรกิจเชิงรุกในตลาดด้านของความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น
– ความยั่งยืนไม่ได้เป็นเรื่องของหน่วยงานหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่หัวใจของความสำเร็จในการทำเรื่องนี้คือ การมีส่วนร่วม หมายความว่าเราต้องให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กรทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืน
การก้าวเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัลอาจเปรียบคล้าย ‘สึนามิทางเทคโนโลยี’ ที่ถาโถมเข้าใส่ผู้คนในสังคม ปลุกให้เกิดความตื่นตัว ลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อก้าวทันกระแส ‘ดิจิทัลเปลี่ยนโลก’ กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประกาศก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบของประเทศไทยในยุค 4.0 ย่อมส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์แห่งการเปลี่ยนแปลงที่องค์กรธุรกิจจำเป็นต้องรู้และปรับตัวให้ทันท่วงที
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโลกดิจิทัลที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว ‘ความยั่งยืน’ ยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องถูกผนวกเข้าไว้ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่าย Global Compact Network Thailand เผยถึงเทรนด์ท้าทายของสังคมดิจิทัลยุคใหม่ ต้องอยู่ภายใต้โจทย์ความสมดุล 3 ด้านคือ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม

“ความยั่งยืน คือ เทรนด์ที่ทุกบริษัทจะต้องคำนึงถึงในการปรับตัวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงยุคดิจิทัล สิ่งแรกที่ผมอยากจะไฮไลท์คือเรื่อง Digital Transformation คือการทำให้องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองให้รวดเร็วขึ้นได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ประเด็นนี้มีสองส่วนที่สำคัญ ส่วนแรกผมขอเรียกว่าเป็น Mega Trend สำหรับปีนี้เลย นั่นคือการ Reskill คนในองค์กร ซึ่งหมายถึงการพัฒนาคนให้เกิดความสามารถหรือศักยภาพใหม่ๆ ให้ตอบรับกับการแข่งขันในโลกยุคดิจิทัล ซึ่งถ้าองค์กรใดที่สามารถ Reskill ศักยภาพของคนในองค์กรได้ก่อน องค์กรนั้นจะเป็นผู้ชนะในโลกยุคต่อไป”
การพลิกโฉมธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับส่วนที่สอง นั่นคือการนำเทคโนโลยีมาใช้ในทางสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเท่าเทียม การนำเทคโนโลยีมาสร้างโอกาสในการพัฒนาคน เศรษฐกิจ และสังคม การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสม คำนึงถึงสุขภาพ รวมถึงการรู้เท่าทันภัยของเทคโนโลยีที่อาจมาจากผู้ไม่หวังดีในรูปแบบต่างๆ

โครงการ True Innovation Awards 2019 ที่กลุ่มทรู เปิดโอกาสและสนับสนุนให้พนั
“ปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในบริบทต่างๆ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี แน่นอนว่าการดำเนินการต่างๆ จะอยู่ในรูปแบบของดิจิทัลแพลตฟอร์มมากขึ้น ซึ่งจะตามมาด้วยประเด็นเรื่องของการเคารพสิทธิมนุษยชนหรือ Human Rights ที่มีความหมายแตกต่างจากยุคก่อน ซึ่งเรามักจะให้คำจำกัดความเพียงแค่ในกรอบของสิทธิด้านแรงงาน สิทธิของพนักงาน ฯลฯ แต่ปีนี้ Human Rights จะมีความหมายรวมไปถึงความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องระมัดระวัง ขณะเดียวกัน การเกิดขึ้นของข่าวลวงจะแพร่ระบาดจนเราเข้าสู่ยุคที่ข่าวสารที่เป็นเรื่องเท็จมากกว่าเรื่องจริง และการกลั่นแกล้งออนไลน์ หรือ Social Bullying จะกลายเป็นประเด็นปัญหาใหญ่ของสังคมยุคนี้ที่เราจะต้องช่วยกันรับมือ”
เทรนด์ของการพัฒนาคนด้วยการเรียนรู้ในโลกออนไลน์ยังคงเป็นประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ บทเรียน E-learning ที่ปรับเปลี่ยนบริบทจากการเรียนเพื่อสอบ มาเป็นการเรียนออนไลน์ในทักษะใหม่ๆ ให้คนทำงานสามารถปรับตัวเพื่อความอยู่รอด จะเป็นวาระสำคัญที่สังคมต้องการ รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะของผู้คน ซึ่งอาจนำมาซึ่งความท้าทายของการเกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น

โครงการ True Incube Incubation & ScaleUp Program Batch 6 – Rising Startup Together ที่กลุ่มทรู จับคู่ต่อยอดธุรกิจ startup ดาวรุ่ง ที่ผ่านการคัดเลือกเข้า Bootcamp หลักสูตรอบรมเข้มข้นและเวิร์
“ปีนี้คนจะตื่นตัวกันมากเรื่องของขยะ เริ่มต้นจากการงดให้ถุงพลาสติกตามร้านค้าปลีกตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 ผมเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีนวัตกรรมใหม่ๆ เรื่องการจัดการขยะออกมามากขึ้น เราจะมี Start up ใหม่ๆ ที่ออกมารุกตลาดที่มาในแง่ของความยั่งยืนนี้เพิ่มมากขึ้น”
แน่นอนว่าในการปรับตัวหรือการเปลี่ยนแปลงเพื่อรับสิ่งใหม่ สิ่งที่ตามมาพร้อมกันคงหนีไม่พ้นความวิตกกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดตามมาจากการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจากประสบการณ์ของ ดร.ธีระพล ในการดำเนินงานด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน คำแนะนำของเรื่องนี้อยู่ที่การพยายามจัดทำนวัตกรรมให้เข้ามาเป็นตัวช่วย และการทำให้เรื่องความยั่งยืนอยู่ในกระบวนการทำงานพื้นฐานที่เป็นการทำงานปกติขององค์กร
“อย่างแรกที่เราต้องใช้คือ นวัตกรรม เพราะถ้าไม่ใช้นวัตกรรมมันอาจจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น อย่างที่สองคือพยายามอย่าเพิ่มกระบวนการพิเศษหรือ set additional process ขึ้นมาเพื่อทำเรื่องความยั่งยืน ขอให้กลับไปดูกระบวนการปกติขององค์กร แล้วทำเรื่องความยั่งยืนให้อยู่ในกระบวนการนั้นเลย เช่น ถ้าทรูอยากจะพูดเรื่องสิ่งแวดล้อม เราจะลงไปทำเรื่องนี้ตั้งแต่ออกแบบตัวบรรจุภัณฑ์ของ SIM Card เลย แล้วให้ตัวผลิตภัณฑ์เป็นตัวสื่อสารกับผู้บริโภคด้วยตัวเอง”
นอกจากนี้ การเปลี่ยนมุมมองการปรับตัวเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนยังเป็นเรื่องสำคัญ อาจถึงเวลาทบทวนมุมมองความคิดเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะเมื่อพิจารณาในอีกด้านหนึ่งแล้ว การพัฒนาเรื่องความยั่งยืนสามารถคืนประโยชน์ให้กับองค์กรได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การช่วยลดต้นทุนจากการประหยัดพลังงาน การช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงานขององค์กรที่อาจมาจากการถูกฟ้องร้องในประเด็นต่างๆ และสุดท้ายคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ซึ่งแนวโน้มในอนาคตผู้บริโภคจะเลือกบริโภคแต่เฉพาะสินค้าที่มาจากแบรนด์หรือองค์กรที่น่าเชื่อถือเท่านั้น
“ความยั่งยืนไม่ได้เป็นเรื่องของหน่วยงานหรือองค์กรใดองค์หนึ่ง แต่หัวใจของความสำเร็จในการทำเรื่องนี้ คือการมีส่วนร่วม หมายความว่าเราต้องให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กรทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืน เพราะความยั่งยืนที่แท้จริง คือการขยายวงผลกระทบจากวงเล็กๆ ออกไปจนเกิดเป็นผลกระทบขนาดใหญ่พอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง ถ้าทำได้ถึงจุดนั้น ความยั่งยืนก็จะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่แนวคิดอีกต่อไป” ดร.ธีระพลฝากทิ้งท้ายถึงปัจจัยความสำเร็จของความยั่งยืน
ดาวน์โหลด 5 แนวโน้มสําคัญเพื่อจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
