บริษัทไทยจะเดินหน้าเรื่องยั่งยืนได้จริงหรือ?
ในยุคนี้การทำธุรกิจต้องปรับตัวเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยการนำ ‘ความยั่งยืน’ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานหลัก สิ่งที่ท้าทายที่สุดของแต่ละองค์กรคือ การเปลี่ยนความตั้งใจให้กลายเป็น ผลลัพธ์ที่วัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างโอกาสในการขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างมั่นคงในระยะยาวให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างไร
จากรายงาน Turning the Key: Unlocking the Next Era of Sustainability Leadership ที่นำเสนอผลสรุปจาก CEO Study จัดทำโดย UN Global Compact และ Accenture รวบรวมกลยุทธ์สำคัญจากผู้นำธุรกิจทั่วโลก ที่จะช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายขององค์กรสู่การเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้จริง ผ่าน 5 กลยุทธ์หลัก ดังนี้:
1.Lead with Credibility and Purpose (เป็นผู้นำด้วยความน่าเชื่อถือและมีจุดมุ่งหมาย)
2.Harness Consumer Demand (ใช้ประโยชน์จากความต้องการของผู้บริโภค)
3.Upskill for the Future (พัฒนาทักษะเพื่ออนาคต)
4.Expand Access to Technology (ขยายการเข้าถึงเทคโนโลยี)
5.Collaboration on Regulation (การร่วมมือด้านกฎระเบียบ)
เพื่อตอบคำถามว่า บริษัทไทยจะเดินหน้าเรื่องยั่งยืนได้จริงหรือ กรณีศึกษาที่สะท้อนหลักการระดับโลกมาปรับใช้ในบริบทไทยอย่าง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG และได้รับรางวัล Sustainability Awards of Honor ติดต่อกันถึง 7 ปีซ้อน จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่นำเป้าหมายให้กลายเป็นผลลัพธ์ พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างไร
1.Lead with Credibility and Purpose เป็นผู้นำด้วยความน่าเชื่อถือและมีจุดมุ่งหมาย
อาคาร SCG 100 ปี
คุณธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม, กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี (SCG)
ก่อนที่องค์กรจะลงมือทำให้สำเร็จ ต้องเริ่มมาจากผู้นำองค์กรเป็นผู้กำหนดนโยบายด้านความยั่งยืนที่มีธรรมาภิบาลในองค์กรที่ดีและโปร่งใส รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐและภาคประชาสังคม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากล
สำหรับ SCG แรกเริ่มทำธุรกิจจากปูนซีเมนต์ ก่อนขยายกิจการสู่กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กระดาษบรรจุภัณฑ์และปิโตรเคมี ธุรกิจเหล่านี้แม้ว่าจะช่วยพัฒนาบ้านเมืองที่ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช้ทรัพยากรและปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ จึงเป็นความท้าทายสำหรับบริษัทปูนซีเมนต์ที่ทุกๆ ปีจะมีการทบทวนกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงและเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างจริงจัง
เมื่อปี 2564 SCG เริ่มต้นแนวคิด ESG 4 Plus มุ่งสร้าง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ โดยยึดหลักสร้างความเชื่อมั่นและโปร่งใส เพื่อรับมือวิกฤตโลกร้อนและดำเนินธุรกิจให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
และต่อยอดสู่ปี 2567 ผ่านแนวคิด Passion for Inclusive Green Growth เป็นกลยุทธ์ที่สร้างการมีส่วนร่วมทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยปรับตัวโครงสร้างองค์กรให้ยืดหยุ่น พัฒนาศักยภาพบุคลากร และวางแผนมุ่งสร้างสังคม Net Zero ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมกรีนและสร้างการมีส่วนร่วมโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถก้าวเดินและเติบโตไปด้วยกันในระยะยาว เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลกทั้งด้านความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้าง
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคยกล่าวถึงความมุ่งมั่นของเอสซีจี (Business Purpose) ว่า “โลกข้างหน้าจะมีความไม่แน่นอนสูง เราต้องเตรียมพร้อมธุรกิจทั้งรุกและรับตั้งแต่วันนี้เพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาว SCG เราไม่ได้เอาแค่ตัวเองรอด แต่ต้องการให้ธุรกิจที่เราทำเติบโตแบบ Green Growth และเป็น Inclusive Green Growthที่ซัพพลายเชนของเราและชุมชนต้องโตไปด้วยกันด้วย จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
2.Harness Consumer Demand ใช้ประโยชน์จากความต้องการของผู้บริโภค
SCG Cement & Green Solutions ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
CPAC Green Solution เทคโนโลยีก่อสร้างดิจิทัลเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Pathway to Net Zero House – บ้านประหยัดพลังงานด้วยโซลูชั่น SCG Smart Living
SCG Cleanergy ธุรกิจพลังานสะอาดครบวงจร
SCGC ร่วมกับบริษัท Braskem ผลิต “พลาสติกชีวภาพ” นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
SCGP ผู้นำด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาค ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่หลากหลาย
SCGJWD ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน
SCG Decor ผู้นำในธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ (Decor Surfaces and Bathroom ) ที่ครบวงจร ในภูมิภาคอาเซียน
ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค องค์กรควรคำนึงถึงการผนวกความยั่งยืนเข้าสู่ทุกขั้นตอนของการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะการมองหารูปแบบธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและองค์กรไปพร้อมกัน ภายใต้แนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายทาง
SCG ใช้ความแข็งแกร่งจากธุรกิจซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง แพคเกจจิ้ง และเคมิคอลส์ ต่อยอดสร้างธุรกิจใหม่ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่า ผ่านแนวคิด ‘Agile Organization’ ในการปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัวและยืดหยุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยแยกธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูง เพื่อสร้างความคล่องตัว เสริมการแข่งขัน และรับมือโลกที่เปลี่ยนแปลง ผ่าน 8 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ‘เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน’ ธุรกิจวัสดุและโซลูชันก่อสร้าง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, ‘เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง’ ธุรกิจนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยและชีวิตที่สะดวก สุขภาพดี ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล, ‘เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทล’ ธุรกิจจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัย, ‘เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC’ ผู้นำนวัตกรรมเคมีภัณฑ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ครบวงจร, ‘เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่’ ธุรกิจด้านพลังงานทดแทน พลังงานสะอาดครบวงจร นอกจากนี้ ผลักดันธุรกิจที่มีศักยภาพสูงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่ ‘บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP’ ผู้นำบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนแบบครบวงจร ‘บริษัทเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดีโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD’ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ครบวงจรรายใหญ่สุดในอาเซียน ‘บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD’ ผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิว และสุขภัณฑ์ครบวงจร
3.Upskill for the future (พัฒนาทักษะเพื่ออนาคต)
URBANICE แอปพลิเคชันบริหารจัดการคอนโด-หมู่บ้านจัดสรร
โครงการ ZERO TO ONE และ START THE DOT โดย SCG
ผู้นำองค์กรต้องลงทุนในการสร้างบุคลากร ให้สามารถปรับตัวและยืดหยุ่นได้ในอนาคต โดยยกระดับทักษะที่เน้นคุณลักษณะของมนุษย์ ในการทำงาน (Human-Centered Skills) และสร้างคุณค่าให้กับบุคลากรผ่านการมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระยะยาวและเตรียมความพร้อมในการรับบทบาทใหม่ๆ ให้เท่าทัน
ในช่วงที่เกิดกระแส Digital Disruption เมื่อหลายปีที่ผ่านมาจากการเติบโตก้าวกระโดดของเทคโนโลยีส่งผลให้ระบบการทำงานเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงธุรกิจ SCG ก็จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ทั้งการเปลี่ยนแปลงรูปแบบองค์กรและ ทรัพยากรบุคคล ที่เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ผ่านโครงการชื่อว่า ‘ZERO TO ONE’ และ ‘START THE DOT’ แพลตฟอร์มบ่มเพาะนวัตกรรมภายใน SCG ที่เปิดพื้นที่ให้พนักงานเปลี่ยน “ความคิด” ให้กลายเป็น “โอกาสทางธุรกิจ” ผ่านกระบวนการทดลอง เรียนรู้ และขยายผลอย่างเป็นระบบ
การทำธุรกิจแบบสตาร์ทอัพ ส่งเสริมให้พนักงานกล้าเสนอไอเดียและลงมือทำธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยสนับสนุนทั้ง คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เงินทุน ทรัพยากรและเครือข่ายทางธุรกิจ เพื่อพัฒนา
บุคลากรให้มีความสามารถและมีคุณค่าในตนเอง พร้อมทั้งแก้ปัญหาการทำธุรกิจแบบเดิมๆ และแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจไปพร้อมกัน
ยกตัวอย่างเช่น Dezpax.com แพลตฟอร์มออนไลน์บรรจุภัณฑ์ครบวงจรสำหรับธุรกิจอาหาร แพลตฟอร์มบริหารจัดการชุมชนที่อยู่อาศัย
Dezpax : One-stop Service แพ็คเกจจิ้ง
4.ขยายการเข้าถึงเทคโนโลยีให้ทั่วถึง (Expand access to technology)
(รบกวนขอรูปโปรเจกต์ปูนคาร์บอนต่ำ)
โครงการ Harudot เขาใหญ่ ออกแบบอาคารให้กลมกลืนกับธรรมชาติ โดยใช้ SCG Low Carbon Cement
Low Carbon Cement นวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน
ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ผู้นำองค์กรต้องเปิดโอกาสการเข้าถึงเครื่องมือและข้อมูลดิจิทัลอย่างทั่วถึง ซึ่งต้องครอบคลุมคนทุกกลุ่ม ขยายผลได้ในวงกว้าง และกระจายสู่ทุกคนอย่างเสมอภาค เช่น การลงทุนในนวัตกรรมที่ยั่งยืน การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และสร้างศูนย์บ่มเพาะธุรกิจในตลาดเกิดใหม่
ความท้าทายของ SCG เพื่อให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เปลี่ยนผ่านสู่คาร์บอนต่ำ SCG ให้ความสำคัญตั้งแต่การปรับกระบวนการผลิตจนถึงการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Innovations) ที่ต้องคิดค้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที และเท่าทันเทรนด์ของโลกอยู่เสมอ เพื่อคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่า ความต้องการทางผลิตภัณฑ์ไปในทิศทางใด เพื่อพัฒนาให้ตอบโจทย์การใช้งาน
ยกตัวอย่างโปรเจกต์ปูนคาร์บอนต่ำ ก่อนหน้านี้ SCG ได้พัฒนาปูนมาหลายรุ่น เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนมากขึ้น ด้วยการลดใช้ถ่านหินและเพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงทางเลือก ซึ่งวิธีนี้ช่วยประหยัดต้นทุนและลดการปล่อยคาร์บอนในเวลาเดียวกัน โดยยังคงคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานเทียบเท่าปูนซีเมนต์ทั่วไป ดังนี้
- ปูนคาร์บอนต่ำรุ่นที่ 1 สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ประมาณ 10%
- ปูนคาร์บอนต่ำรุ่นที่ 2 สามารถลดคาร์บอนได้ประมาณ 15-20%
- ปูนคาร์บอนต่ำรุ่นที่ 3 สามารถลดคาร์บอนได้ประมาณ 30-40% จากการเปลี่ยนวัตถุดิบ
ทำให้สามารถลดอุณหภูมิเตาเผาจาก 1300 องศาเซลเซียส เหลือประมาณ 900 องศาเซลเซียส
และในอนาคตวางแผนจะต่อยอดโดยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech) AI มาพัฒนาปูนคาร์บอนต่ำให้สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้มากยิ่งขึ้น และสามารถนำไปใช้งานได้ในวงกว้าง
5. Collaboration on Regulation (การร่วมมือด้านกฎระเบียบ)
สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย
องค์กรควรมีส่วนร่วมกับหน่วยงาน ผู้กำหนดนโยบาย และร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อวิธีการดำเนินงานของบริษัท ตั้งแต่การเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมไปจนถึงความโปร่งใส ในห่วงโซ่อุปทานและมาตรฐานค่าจ้าง เพื่อการดำรงชีวิตที่ดีที่เหมาะสม
SCG ได้ร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากหลากหลายภาคส่วนจากแนวคิด ‘ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเปลี่ยนผ่านสู่สังคม Net Zero ไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่ธุรกิจ ชุมชน หรือเยาวชน
ยกตัวอย่างเช่น สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ-เอกชน-ประชาสังคม หรือ Public Private People Partnership (PPPP) โดยมีเป้าหมายหลักคือการเปลี่ยนสระบุรีสู่ Low Carbon City อย่างยั่งยืน ผ่านการดำเนินงานเน้น 5 ด้านสำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ผลักดันอุตสาหกรรมสีเขียวและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าให้วัสดุเหลือใช้ ส่งเสริมเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โครงการนี้ถือเป็นคลัสเตอร์กลุ่มอุตสาหกรรมแรกของไทยที่เข้าร่วมโครงการของ World Economic Forum เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับการลดคาร์บอนและเป็นรูปธรรม
เหล่านี้จึงแสดงให้เห็นถึงการแปลงเป้าหมายสู่กลยุทธ์เชิงปฏิบัติจริงได้อย่างเป็นรูปธรรม และสามารถตรวจสอบได้อย่างโปรงใส (อ่านรายงานผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ SCG) ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญของการเป็นผู้นำความยั่งยืนเพราะในโลกธุรกิจปัจจุบัน ทุกการตัดสินใจและทุกการกระทำขององค์กรนั้น สร้างผลกระทบและร่วมขับเคลื่อนสังคมไปพร้อมกัน
All Link Picture
ที่มาอ้างอิง:
–https://www.scgnewschannel.com/th/scg-news/scg-launches-mission-to-push-passion-for-inclusive-green-growth-plan-through-global-fluctuations/
–https://www.scgnewschannel.com/th/scg-news/scg-plants-its-flag-to-create-a-net-zero-society-with-green-innovation/
–https://www.forbesthailand.com/news/marketing/scg-aims-for-green-growth-4-engines
–https://marketeeronline.co/archives/342106
–https://readthecloud.co/scg-zero-to-one/
–https://www.salika.co/2024/07/10/green-innovator-green-innovation/#:~:text=%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D,%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%20Senior%20Researcher%2C%20SCG%20Packaging –https://www.scg.com/sustainability/flagship-project/saraburi-sandbox

Test