ไม่มีใครสามารถปฎิเสธได้ว่าหนึ่งในปัญหาที่ร้ายแรงมากที่สุดต่อโลกของเราในเวลานี้ คือ ปัญหาของขยะ และขยะที่พบได้มากที่สุด คือ ขยะที่เกิดมาจากการอุปโภคบริโภคของเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ของกิน ข้าวของ เครื่องใช้ หลังจากที่เราได้อุปโภคบริโภคมันแล้ว แทบไม่มีใครรู้ได้เลยว่าต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างกับบรรจุภัณฑ์ของพวกเรา บางชิ้นถูกจัดการด้วยวิธีที่ถูกต้อง บางชิ้นไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ในขณะที่บางชิ้นถูกปล่อยทิ้งลงสู่ธรรมชาติซึ่งส่งผลทำให้สิ่งแวดล้อมแย่ลงไปกว่าเดิม
นับตั้งแต่ปี 2013 ลอรีอัลได้ริเริ่มโครงการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะโลกได้เปลี่ยนไปนับตั้งแต่นั้น ความท้าทายที่มนุษย์ต้องเผชิญนั้นยิ่งใหญ่มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เป้าหมายของเราจึงจะต้องตอบโจทย์ต่อการแก้ปัญหาเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ท้าทายเหล่านั้น ไม่ใช่ว่าเราต้องทำให้ดีขึ้น แต่เราต้องทำในสิ่งที่มีความจำเป็นต้องทำ นี่เป็นคำพูดของรองประธานฝ่ายบริหารจากมูลนิธิลอรีอัล ซึ่งชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่แค่พวกเราที่กำลังรู้สึกได้ว่าทุกสิ่งกำลังแย่ลงไปกว่าเดิม แต่มันเป็นความจริงจากปากของบริษัทระดับโลกที่อยู่มากอย่างยาวนาน
ลอรีอัลถือเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงสำคัญสำหรับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการ “L’OREAL FOR THE FUTURE” ด้วยหลัก 3R Reduce Replace Recycle ทำให้ลอรีอัลสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยกาศได้มากกว่า 78% ทั้งยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมรวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่า 85% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดให้มีผลเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ด้วยกลยุทธ์ในการเดินหน้าทางธุรกิจทั้ง 3 ข้อ ทำให้ลอรีอัลมีจุดมุ่งหมายในการก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างชัดเจนพร้อม ๆ กับสิ่งแวดล้อมที่จะดีขึ้นอย่างเป็นระบบ ข้อแรก คือ การเคารพต่อขีดจำกัดของโลก การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดอย่างรู้คุณค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะการเดินหน้าไปเกินลิมิตของธรรมชาติจะส่งผลให้ระบบนิเวศที่ปลอดถัยของมนุษย์ถูกทำลายลง ข้อที่สอง คือ การเพิ่มศักยภาพให้พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะลูกค้า ซัพพลายเออร์ และผู้บริโถค มีส่วนร่วมในกระบวนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทั้งดีและร้าย ดังนั้นพันธกิจที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของบริษัทเช่นกัน ข้อที่สาม คือ การเร่งการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่เสียไปอย่างรวดเร็ว ในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรมความงามจึงเป็นหน้าที่ ๆ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นด้วยผลกำไรที่บริษัทได้มาจากสังคม
คราวนี้เราจะลองมาขยายความถึงหลัก 3R ที่ได้กล่าวไว้ในช่วงแรกกัน เริ่มจาก Reduce คือการลดปริมาณการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ทำบรรจุภัณฑ์ให้น้อยลงโดยที่สินค้ายังคงคุณภาพและใช้งานได้ดีเหมือนเดิม ยกตัวอย่างเช่นขวดน้ำหอม Armani มีการลดการใช้พลาสติกเพื่อเซฟวัสดุที่จะกลายไปเป็นขยะ Replace คือ การเปลี่ยนจากวัสดุที่ใช้เดิมให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์พลาสติกของ Larose Posay ให้เป็นกระดาษที่ผ่านการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ของบริษัท Recycle คือ การใช้วัสดุ PET หรือวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้รีไซเคิลใหม่ได้เพื่อให้ทุก ๆ ภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้องได้นำกลับมาแปรรูปและนำกลับไปใช้ได้อีกครั้ง เราจะเห็นได้ว่าในทุก ๆ กระบวนการภายใต้หลัก 3R คือ ความเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้เพียงแค่มีความศรัทธาในการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแบบเดิม
สิ่งที่บทความนี้ต้องการจะสื่อไม่ใช่การให้ทุกคนต้องเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ หรือเริ่มต้นทำสิ่งใดที่ทำให้โลกต้องสะเทือน หากแต่เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่ถ้าทุกคนในสังคมช่วยเหลือกันจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แม้แต่ตัวเราเองก็ไม่อาจวาดฝันเอาไว้ได้ เราอาจจะเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ อย่างการลดการใช้ถุงพลาสติก การบริโภคอย่างรู้คุณค่า การใช้ของ Refill มันจะเป็นอะไรก็ได้ไม่ได้สำคัญ เพราะที่มันสำคัญมากกว่า คือ วันนี้คุณได้เริ่มต้นทำมันเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่จะดีขึ้นแล้วหรือยัง เหมือนกับที่ลอรีอัลได้เริ่มลงมือทำเพื่อให้โลกได้รับรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้จริง
:: SDGs Young Creator ทีม Thai Pure ::